นครศรีธรรมราช : ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ลงพื้นที่ส่งกำลังใจมอบความห่วงใยช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัย มอบถุงยังชีพพร้อมน้ำดื่ม จำนวน 400 ถุง ในพื้นที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมมอบสินไหมทดแทนให้แก่ลูกค้าที่ประสบอุทกภัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาบ้านเรือนของลูกค้าธนาคารที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง จำนวน 8 หลัง ตามเงื่อนไขของมาตรการพิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ รวมถึงกรณีน้ำท่วม หรือ ลมพายุ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และวาตภัยในพื้นที่ภาคใต้ ฃึ่งปัจจุบันแม้ระดับน้ำท่วมขังจะลดลงทุกจังหวัด แต่ก็ยังคงพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสร้างความเสียหายต่อลูกค้าและประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านที่อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จึงได้เร่งให้ความช่วยเหลือชาวใต้ที่ได้รับ ความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่อง และนอกจากความช่วยเหลือทางด้านการเงินผ่าน 7 มาตรการ ตาม “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติปี 2563” แล้ว ในวันนี้ (9 ธันวาคม 2563) จึงได้นำทีมผู้บริหาร พร้อมด้วยผู้ปฏิบัติงานของธนาคารในสำนักงานเขตและสาขาในพื้นที่ ลงพื้นที่ไปพบกับลูกค้าประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนำถุงยังชีพและน้ำดื่มออกไปแจกจ่ายเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าเป็นการด่วนจำนวน 400 ชุด เพื่อส่งกำลังใจพร้อมกับส่งมอบความห่วงใยให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยที่เดือดร้อนทุกคน
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้ร่วมกับ บมจ.อาคเนย์ประกันภัย บมจ.นวกิจประกันภัย และบมจ.ทิพยประกันภัย มอบสินไหมทดแทนให้แก่ลูกค้าที่ประสบอุทกภัย เพื่อช่วยเหลือเยียวยาบ้านเรือนของลูกค้าธนาคารที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง จำนวน 8 หลัง ตามเงื่อนไขของมาตรการที่ 7 พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ รวมถึงกรณีน้ำท่วม หรือ ลมพายุ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันยื่นเอกสารแจ้งความเสียหาย จ่ายตามความเสียหายจริงตามภาพถ่าย รวมทุกภัยธรรมชาติไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงจากหลักฐานภาพถ่าย แต่ไม่เกินภัยละ 30,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ยังให้คำแนะเกี่ยวกับมาตรการความช่วยเหลืออื่น ๆ ของธนาคารอีก 6 มาตรการที่เหลือ ประกอบด้วย 1) ลดดอกเบี้ยเหลือ 0% ต่อปีนาน 4 เดือนแรก 2) ให้กู้เพิ่มหรือกู้ใหม่ดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี คงที่ 3 ปีแรก 3) ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 4 เดือน ดอกเบี้ย 0% ต่อปี 4 เดือน ไม่ต้องชำระเงินงวด 4) ประนอมหนี้ไม่เกิน 1 ปี ดอกเบี้ย 1% ต่อปี 5) เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรให้ผ่อนชำระดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี และ 6) ที่อยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังซ่อมแซมไม่ได้ให้ปลอดหนี้ในส่วนของอาคาร
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติธรรมชาติ ปี 2563” สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึงภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2563 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด โดยตลอดระยะเวลากว่า 67 ปี ธนาคารสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และการปลูกจิตอาสาช่วยเหลือสังคมของพนักงานในองค์กร รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชน และสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเติบโตอย่างยั่งยืน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์อาคารสงเคราะห์