
วิริยะประกันภัย ปลื้มผลประกอบการในปี 67 ชูจุดแข็งรับมือความท้าทาย ทั้งทางด้านเศรฐกิจและภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ด้วยเบี้ยรับตรง 40,879 ล้านบาท เติบโต 2% เผยตั้งเป้าปี 68 อัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 3.7% มุ่งเดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าอย่างต่อเนื่องให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า : ด้วยบริการที่เป็นเลิศครอบคลุมครบวงจร” พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินงาน 3 เป้าหมาย คือ ยกระดับคุณภาพบริการ Touchpoint ครอบคลุมทุกพื้นที่และครบวงจร เสริมความแกร่ง Ecosystem ด้วยการขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ และยกระดับศักยภาพบุคลากรให้รองรับทุกมิติของงานบริการประกันภัย

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ภาคอุตสาหกรรมประกันภัยต้องเผชิญสถานการณ์ความเสี่ยงและความท้าทายจากปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่สวนทางกับกำลังซื้อของผู้บริโภค ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค แต่กระนั้น บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดประกันวินาศภัยได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยการครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัย อันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 33 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.3% ในขณะที่ประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นพอร์ตหลักของบริษัทฯ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 เช่นกัน โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22.6%




ทั้งนี้ การดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกด้านของประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ อุบัติเหตุ สุขภาพ ที่อยู่อาศัย ฯลฯ มีการพัฒนากระบวนการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างครบวงจร ตั้งแต่การรับประกันภัย บริการหลังการขาย ตลอดไปถึงการบริการสินไหมทดแทนที่รวดเร็วและเป็นธรรม ด้วยสาขาและศูนย์บริการสินไหมทดแทน รวมถึงจุดบริการในห้างสรรพสินค้า (V-Station) ที่ครอบคลุมกว่า 160 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนานวัตกรรมบริการอย่างต่อเนื่อง อาทิ VClaim on VCall บริการเคลมออนไลน์, V-Inspection บริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนทำประกันภัย, V-Roadside Service บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ที่พร้อมให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัย สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา


“สำหรับผลประกอบการในปี 2567 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท เติบโต 2% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ (Motor) 36,380 ล้านบาท เติบโต 2.1% และเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 4,499 ล้านบาท เติบโต 1.2% อีกทั้งยังคงมั่นคงแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ถึง 70,904 ล้านบาท และอัตราความพอเพียงของเงินกองทุน (CAR) 220% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานของเงินกองทุนฯ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ อันแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงมีต่อวิริยะประกันภัยอย่างเหนียวแน่น ทั้งนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับตรงอยู่ที่ 42,569 ล้านบาท หรือต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 3.7% แบ่งเป็น ประกันภัยรถยนต์ 37,591 ล้านบาท เติบโต 3.3% และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 4,978 ล้านบาท เติบโต 11% ซึ่งจะเห็นว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นการเติบโตของนอนมอเตอร์ให้มีความสมดุลมากยิ่งขึ้น”

นายอมร เปิดเผยต่อไปอีกว่า แผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า พร้อมส่งมอบประสบการณ์ “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ บริษัทฯ จะดำเนินกลยุทธ์ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า : ด้วยบริการที่เป็นเลิศครอบคลุมครบวงจร” สะท้อนภาพความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนางานบริการให้เป็นเลิศในทุกมิติ ทั้งในด้านการยกระดับคุณภาพ Touchpoint การขยาย Ecosystem คู่ค้า และการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เพื่อให้การเติบโตของงานมอเตอร์และนอนมอเตอร์เป็นไปตามเป้าหมาย
เป้าหมายแรก ยกระดับคุณภาพและความพร้อมในการให้บริการ ทุกจุดที่ลูกค้าได้สัมผัสแบรนด์ (Touchpoint) สอดประสานเป็น Omnichannel สะดวกทุกที่ทุกเวลา ผ่านช่องทางบริการที่หลากหลายและครบวงจร ได้แก่
1. ขยายงานตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย ซึ่งถือเป็นช่องทางงานขายสำคัญของบริษัทฯ ให้ได้กว่า 200 ราย เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในเมืองรอง เช่น อุทัยธานี บึงกาฬ นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวมถึงยกระดับความรู้และศักยภาพของตัวแทนและนายหน้าประกันวินาศภัย ผ่านการอบรมออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อสามารถให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ได้อย่างครอบคลุม ทั้งประกันภัยมอเตอร์และนอนมอเตอร์
2. พัฒนาจุดบริการทั้งสาขา ศูนย์บริการสินไหมทดแทน และจุดบริการในห้างสรรพสินค้า (V-Station) ให้ครอบคลุมทุกบริการอย่างครบวงจร โดยมีเป้าหมายปรับปรุงและขยายพื้นที่บริการเพิ่มเติมให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการบริการได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
3. ยกระดับงานขายและการให้บริการผ่าน Line OA ทั้งในส่วนของวิริยะประกันภัย และวิริยะประกันสุขภาพ ให้กลายเป็น One Stop Service ที่สามารถให้บริการด้านงานขายและงานบริการได้อย่างครบวงจร โดยเฉพาะการแจ้งเคลมอุบัติเหตุ เคลมนัดหมาย (VClaim on VCall) และแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านมือถือ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินการได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
4. ยกระดับประสิทธิภาพการออกตรวจสอบอุบัติเหตุ ด้วยการวาง “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ” หรือจุดพักคอยของเจ้าหน้าที่ในการรอเพื่อออกตรวจสอบอุบัติเหตุอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่เกิดเหตุบ่อยๆ หรือพื้นที่ที่มีอุปสรรค เช่น การจราจรหนาแน่น มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ใช้เวลานาน ฯลฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถไปถึงจุดเกิดเหตุภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งการยกระดับบริการ ณ จุดเกิดเหตุให้มีความครบถ้วน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้อุ่นใจในทุกสถานการณ์ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีจุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุกระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 20 จุด และมีเป้าหมายจะขยายเป็น 30 จุด ภายในปีนี้

เป้าหมายที่สอง ขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของบริการ (Ecosystem) ได้แก่
1. เพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้ครอบคลุมทุกแบรนด์ทั่วประเทศ พร้อมพัฒนาศักยภาพศูนย์ซ่อมมาตรฐานของวิริยะประกันภัย เพื่อรองรับการให้บริการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
2. การขยายเครือข่ายพันธมิตรศูนย์ซ่อมเฉพาะทาง เช่น ศูนย์ซ่อมรถหรู (Luxury Car) และศูนย์ซ่อมรถขนส่ง เพื่อตอบรับการเติบโตของตลาดประกันภัยรถยนต์เฉพาะทาง
3. ขยายเครือข่ายพันธมิตรด้านโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เอาประกันภัยสุขภาพ
4. เพิ่ม Exclusive Partner สำหรับ Privilege Program ซึ่งจะเน้นสิทธิพิเศษแบบ Exclusive Program ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งการชอปปิง การกิน-ดื่ม การดูแลสุขภาพ ความบันเทิง และการเดินทาง-ท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าขยาย Exclusive Partner จาก 65 แบรนด์ สู่ 80 แบรนด์ในปีนี้

ส่วนเป้าหมายที่สาม ยกระดับศักยภาพบุคลากรวิริยะประกันภัย ที่มีอยู่กว่า 6,900 คน ตั้งแต่ระดับบริหารไปจนถึงระดับปฏิบัติการ ได้แก่
1. พัฒนาศักยภาพตาม Road Map ของแต่ละตำแหน่งงานและช่วงอายุงาน พร้อมตั้งเป้าหมายในการพัฒนาผู้บริหารตามแผน Individual Development Plan (IDP) เพื่อสรรหาและพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพสูง มีความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญ สำหรับเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ในอนาคต
2. พัฒนาความรู้และเสริมทักษะใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปของเทคโนโลยี เช่น เทคโนโลยี AI เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ
3. พัฒนาระบบ Online Training ให้พนักงานสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ทุกที่ ทุกเวลา ภายใต้แนวคิด Long Live Learning
4. เสริมความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์มอเตอร์และนอนมอเตอร์ ความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้กับพนักงานในทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งงานสินไหมทดแทนส่วนหน้าและส่วนหลัง รวมถึงฝ่ายรับประกันภัย เพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยทั้งในส่วนของประกันภัยมอเตอร์ ซึ่งในปีนี้จะมีการพัฒนาประกันภัยประเภท 5 (2+,3+) คุ้มครองภัยน้ำท่วมซ่อมอู่ทั่วไป และประเภท 5 (2+) รถไฟฟ้าซ่อมห้าง ส่วนประกันภัยนอนมอเตอร์ บริษัทฯ มีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุ โดยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าทั้งแบบมีความรับผิดส่วนแรกและแบบร่วมจ่าย พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทางหลากหลาย ตอบโจทย์ทุกการเดินทางทั้งในและนอกประเทศ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับการซื้อประกันภัยออนไลน์ (E-Sale) และช่องทาง Affiliate Marketing และในปีนี้ บริษัทฯ ยังได้โฟกัสไปที่การมอบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์แก่กลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยจะออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยโจรกรรมรถจักรยานยนต์ คุ้มครองครอบคลุม สูญหาย เสียหายสิ้นเชิง ชดเชยรายได้เมื่อบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เพื่อช่วยบรรเทาภาระ เบี้ยประกันภัยสุดคุ้ม ไม่ถึงวันละบาท เพื่อให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์สามารถขับขี่ได้อย่างอุ่นใจยิ่งขึ้น
อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับพลังงานสีเขียว เพื่อส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมทั้งโซล่า รูฟท็อป และอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกรับความคุ้มครองได้ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโลจิสติกส์ไทยสู่ความยั่งยืน สนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งที่ได้รับเครื่องหมาย Q Mark และผู้ประกอบการที่เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานไฟฟ้า เดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดโลจิสติกส์สีเขียว (Go Green Logistics) โดยบริษัทฯ จะมอบสิทธิพิเศษส่วนลดเบี้ยประกันภัยเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของผู้ประกอบการขนส่ง ซึ่งเป็นการพัฒนาตามแนวนโยบายด้าน ESG ของบริษัทฯ ในปีนี้อีกด้วย
“บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ ทั้งความใส่ใจในบริการ สร้างความมั่นใจ วางใจ และทันใจให้ผู้ถือกรมธรรม์วิริยะประกันภัยกว่า 8 ล้านกรมธรรม์ ได้รับประสบการณ์ ‘ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า’ โดยมีหัวใจสำคัญคือบุคลากรวิริยะประกันภัยทุกส่วนงานเป็นแรงขับเคลื่อนนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย” คุณอมร กล่าว
นอกจากแผนการดำเนินงานที่กล่าวมา ในปีนี้บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ภายใต้แนวคิด “ใช้ทุกวิให้คุ้มค่า” เพื่อสะท้อนความตั้งใจของการทำหน้าที่บริหารความเสี่ยงและดูแลผู้เอาประกันภัยให้ได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด ภายใต้ความคุ้มครองจากวิริยะประกันภัย เพราะบริษัทฯ คำนึงถึงความสำคัญในทุกช่วงเวลาอันมีค่าของลูกค้า ที่จะนำไปใช้ในการทำสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาของการอยู่กับครอบครัว คนรัก และคนรอบตัว รวมไปถึงการสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับชีวิต โดยภายใต้ภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ จะสะท้อนภาพในทุกมิติของประสบการณ์การใช้ “วิ” วิริยะประกันภัยอย่างแท้จริง เพื่อให้ทุกช่วง “วิ” นาทีของลูกค้าถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าในทุกช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิต ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของบริษัทฯ