Friday, 26 April 2024 | 1:22 pm
spot_img
Friday, 26 April 2024 | 1:22 pm
spot_img

ชีวิตที่สมดุล คือความพอเพียงที่ยิ่งใหญ่ บทสรุปของความสำเร็จจากเหล่า CEO แถวหน้าของเมืองไทย

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้านส่งผลกระทบให้คนที่ดำเนินธุรกิจไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชนต้องมุ่งสร้างภูมิคุ้มกัน และดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างต่อเนื่อง อันเป็นภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจทุกภาคส่วนของประเทศไทยและโลกของเราเติบโตได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้ภารกิจสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมไทย คงมิใช่ความรับผิดชอบของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ไม่ได้เป็นเรื่องของภาครัฐ  หรือเอกชน แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันสานพลังให้เกิดขึ้น ที่สำคัญต้องเริ่มต้นจาก “ตัวเรา”  สู่ครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน สังคม และประเทศ  เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทย และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลักขององค์การสหประชาชาติ หรือSDGs

สืบสาน รักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงให้แนวทางการพัฒนาสร้างความสมดุลและยั่งยืนควบคู่กันไป เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักคิดของปรัชญาความพอเพียงเพื่อให้เข้าถึงและเกิดการพัฒนาองค์กร สร้างภูมิคุ้มกันนำไปสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน และเชื่อมโยงกับ Sustainability Economy Philosophy (SEP) และ Sustainability Development Goals (SDGs) ที่ทุกองค์กรต้องช่วยกันพัฒนาเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในปี 2030

และเพื่อเป็นการสืบสาน รักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชา ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับมูลนิธิธรรมดี กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่วมกับภาคเอกชน องค์กรธุรกิจคุณธรรม (Moral Business) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)  หอการค้าไทย และองค์กรภาคีเครือข่าย ได้นำคณะผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำ  อาทิ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถาบันเสริมสร้างขีดความสามารถมนุษย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย และองค์กรเอกชนระดับแนวหน้าของประเทศไทย ร่วมกิจกรรม “CEO ตามรอยพระราชา “Sustainability c Moral สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามรอยพระราชา จากนภาสู่ภูผา มหานที อ่าวคุ้งกระเบน” จังหวัดจันทบุรี”  ภายใต้โครงการพัฒนาองค์กรธุรกิจสู่ความยั่งยืน  เพื่อสร้างความร่วมมือระดับนโยบายและผลักดันสู่การประยุกต์ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในองค์กร พร้อมรณรงค์ส่งเสริมสร้างความตระหนักเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของภาคธุรกิจ

นายแพทย์ สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “กิจกรรม CEO ตามรอยพระราชา “Sustainability c Moral สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามรอยพระราชา จากนภาสู่ภูผา มหานที อ่าวคุ้งกระเบน” ในครั้งนี้เป็นการเชิญนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจจนเป็นองค์กรธุรกิจคุณธรรม มาสืบสาน รักษา ต่อยอด ตามแนวทางพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 และในหลวงรัชกาลที่ 10 ดึงตลาดหลักทรัพย์ สภาหอการค้าไทย ผู้แทน CEO ภาคธุรกิจ ที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนพฤตินิสัย นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สู่กระบวนการพัฒนาธุรกิจอย่างมีคุณธรรม เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้  นับว่าเป็นการลงพื้นที่เกิดการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ เกิดการซึมซับ ส่งผลต่อเนื่อง ตลอดจนเกิดแรงกระเพื่อมสู่ภาคส่วนเอกชน ภาครัฐ ภาคการศึกษา ไปจนถึงเด็กและเยาวชน”

โดยผู้บริหารที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รับฟังการบรรยาย พร้อมได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน โครงการในพระราชดำริ ทำให้ผู้บริหารทุกท่านเกิดความซาบซึ้งถึงความวิริยะอุตสาหะของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระองค์ท่านทรงห่วงใยและทรงงานเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของพสกนิกรทั่วประเทศ ทรงยึดการดำเนินงานในลักษณะทางสายกลางที่สอดคล้องกับสิ่งที่อยู่รอบตัวและสามารถนำมาปรับใช้ได้จริง ทรงคิดค้นหาแนวทางพัฒนา เพื่อมุ่งสู่ประโยชน์และความสุขต่อประชาชนอย่างสูงสุด

สำหรับประสบการณ์ที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของผู้บริหารที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้  นายจรูญ  ศิริสรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ริกิการ์เม้นส์ จำกัด ได้เผยถึงสิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการพร้อมให้ข้อคิดในการเป็นองค์กรคุณธรรม ในครั้งนี้ว่า “การจะก้าวสู่องค์กรคุณธรรมนั้น ต้องอาศัยความสามัคคีร่วมใจ ความเพียรและอดทน จะสามารถทำให้เกิดเป็นผลกำไรที่เป็นรูปธรรม และความไว้วางใจจากลูกค้าที่ยังเหนียวแน่น และลูกค้าใหม่ เมื่อมาเห็นกระบวนการของเรา ต่างตกลงใจกับคำว่า คนดีย่อมผลิตสินค้าที่ดีด้วยความรับผิดชอบ เพื่อสร้างคุณค่าและประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภคเป็นสำคัญ”

ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารน้ำพริกข้าวสวย ที่เหล่าคณะผู้บริหารที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้มีโอกาสไปรับประทานนั้น สะท้อนให้เห็นว่า ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้บริการ การใส่ใจในเรื่องของเมนู ทางร้านใช้หัวใจล้วนๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นที่ใจจากผู้ให้ไปสู่ผู้รับ นั้นคือธุรกิจคุณธรรมที่ส่งต่อให้ลูกค้าด้วยความใส่ใจ

“ผมมีความโชคดีที่สุดที่ได้มาเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จากที่ได้สัมผัสสิ่งที่พระองค์ท่านได้มอบไว้กับแผ่นดินที่อ่าวคุ้งกระเบน ประทับใจและทราบซึ้งมากในสิ่งที่พระองค์ทรงงานอย่างหนัก ถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองเราก็จะทราบเพียงแค่คำบอกเล่าและการบอกต่อ แต่สิ่งที่ได้ทำในวันนี้เป็นความสุขในสิ่งที่เป็นผู้รับความรู้และต่อไปเราจะเป็นผู้ให้ต่อๆ ไป”

โครงการพระราชดำริขององค์ท่านทั้งหมด 4,800 กว่าโครงการ ถ้าได้รับการบอกต่อและถูกนำไปปฏิบัติจริง ประเทศชาติเราจะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขจากเศรษฐกิจพอเพียง โครงการที่ภาคธุรกิจกำลังทำ เช่นโครงการ Happy Family ถ้าได้มีการส่งเสริมให้ครอบครัวพนักงานในองค์กร จูงมือลูกหลาน มาพร้อมพ่อแม่ มาร่วมโครงการ ร่วมรับรู้ สิ่งที่จะได้รับคือการปลูกฝังเยาวชนรุ่นใหม่ ให้มีปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว ได้เรียนรู้ศาสตร์พระราชา ควบคู่กันไป จะเกิด Happy Society ที่ครอบครัวได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เกิดแรงกระเพื่อม และนำศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างจริงจัง

นายศักดิ์ชัย มโนจิตงาม รองกรรมการ บริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวต่อว่า “คุณธรรมต้องเริ่มต้นที่ตัวเราเองก่อน แล้วค่อยขยายต่อไปสู่องค์กร ครอบครัว สังคม การเรียนรู้ศาสตร์พระราชา ทำให้ได้ตระหนักว่าที่จริงแล้ว คือ อริยสัจ 4 เพราะทุกโครงการเริ่มจาก ทุกข์คือปัญหา สมุทัยคือเหตุของปัญหา นิโรธคือหนทางแก้ปัญหา และมรรคคือลงมือแก้ปัญหา การมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ได้รู้ว่าคุณธรรมสามารถจับต้องได้ คือเห็นคนดี เห็นความดีที่คนดีทำด้วยสัมผัสรู้ของตนเอง  และจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาขยายผล โดยเพิ่มพูนการทำดีของตนเองและสังคมเครือข่าย ตลอดจนพร้อมกระจายข่าวกิจกรรมของศูนย์คุณธรรมให้ขยายออกไป เพื่อสร้างสังคมให้มีภูมิต้านทาน และเกิดความยั่งยืนสืบไป”

นางวีนัส  อัศวสิทธิถาวร  ผู้อำนวยการ Enterprise Brand Management Office SCG บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)  ได้กล่าวด้วยความประทับใจว่า ได้ร่วมกิจกรรมตามรอยพระราชาด้วยความอิ่มเอมปิติสุข ได้พบเจอได้รู้จักคนที่มีคุณภาพล้นแก้วได้เรียนรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้บริหารหลายๆ ท่าน อย่างประทับใจ ช่างโชคดีที่เกิดมาบนแผ่นดินนี้ มีพระราชาผู้ทรงธรรม ให้เราเดินตามรอยพ่อ “บริษัท เอสซีจีฯ ให้ความสำคัญกับเรื่อง SDGs เราอยากเห็นโลกเติบโตอย่างยั่งยืน  ธุรกิจก็ต้องยั่งยืนด้วย องค์ประกอบที่สำคัญ คือ “คน” เราอยากเห็นพนักงานมีแนวคิด หรือ DNA ที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายของ SDGs จึงต้องมีการถ่ายทอดเพื่อสร้างการเข้าใจ ให้คนของเราเป็นคนที่มุ่งมั่นในเรื่องความยั่งยืน เราเน้นเรื่องการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน Circular Economy ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่าที่สุด เราจึงส่งต่อแนวคิดนี้ให้กับพนักงาน ให้เข้าใจและนำไปปฏิบัติ เช่นส่งเสริมการแยกขยะเอสซีจี ตั้งถังแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล นำกลับมาเป็นทรัพยากรใช้ซ้ำได้ และสามารถต่อยอดการขยายผลต่อเนื่องไปยังครอบครัว สังคม ชุมชนรอบโรงงาน วัด โรงเรียน เราทำโครงการถุงนมกู้โลก ที่เราริเริ่มทำเมื่อเร็วๆ นี้ จากการที่ในหลวงทรงพระราชทานนมให้เด็ก พบว่าเด็กนักเรียนสนุกกับการดื่มนมให้หมดถุง และช่วยกันคิดค้นนวัตกรรม ทำอย่างไรให้ถุงนมแห้งเร็วด้วยการปั่นจักรยาน  เพื่อจะได้นำมาแปรรูป เช่นทำโต๊ะ เก้าอี้ ให้เด็กๆ ได้นั่งเรียน เราสร้างชุมชนไร้ขยะ พร้อมให้ความรู้ว่า ทุกอย่างสามารถกลับมาเป็นทรัพยากรที่เราเอามาใช้ต่อได้”

นายเจน  นำชัยศิริ สมาชิกวุฒิสภา อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอเชียไฟเบอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กิจกรรมตามรอยพระราชา ครั้งนี้นับเป็นประสบการณ์ที่เติมเต็มความรู้ เชิดชูความภักดี และเสริมสร้างมิตรไมตรีจากผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่าน เป็นเนื้อหาที่ดีมากที่ควรจะสื่อสารให้คนทั่วไปได้รับรู้ถึงความยั่งยืน และเป็นเรื่องที่น่าสนใจให้กับหลายๆองค์กรที่กำลังทำเรื่องนี้อยู่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงเป็นตัวอย่างที่ดี ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด หน้าที่เราต้องทำประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในปณิธานของพระองค์ท่าน”

ตัวอย่างสิ่งที่เราได้ทำ คือการกำจัดขยะรีไซเคิลแล้วเอามาทำการตลาดต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่งการทำระบบรีไซเคิลมันแพง หลายคนไม่เข้าใจ แต่เราก็ต้องทำ อย่างน้อยช่วยลดมลภาวะ ทำให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องสื่อสารให้มากขึ้น และ เราต้องหาคนต้นแบบที่มีต้นทุนทางสังคม มาร่วมเดินไปกับเรา เพื่อให้เกิดการยอมรับและนำไปปฏิบัติต่อไป

สิ่งที่เราควรช่วยกันทำคือ ต้องมีการสื่อสาร ขยายวง ต่อยอดออกไปสู่หน่วยงานอื่นๆ  เรื่องที่เป็นปรัชญาความพอเพียงที่สามารถเอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ อยากให้ทุกคนได้นำเอาไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อความสุขของคนเอง และครอบครัว

ดร.สุทธิพงษ์ สุวรรณสุข รองประธาน สถาบันเสริมสร้างขีดความสามารถมนุษย์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวย้ำอีกว่า “เราต้องมี “คน” ที่จะทำเรื่องนี้  “คน” ที่จะไปสื่อสารให้บุคคลภายนอกได้รับรู้ให้และนำไปใช้ ให้เกิดการดำรงชีพอย่างปกติสุข ซึ่งเราทุกคนต้องช่วยกัน การมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เราได้เห็นกระบวนการเรียนรู้ที่ครบวงจร ตั้งแต่เริ่มต้นที่ต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการพัฒนาเรียนรู้อย่างมากมาย จนมาเป็นสภาพปัจจุบัน สามารถเอาไปเป็นตัวอย่างที่ดีได้ หากมองย้อนกลับไป กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เชื่อว่าคงต้องพบกับปัญหาหลากหลาย แทบจะมองไม่เห็นวิธีการแก้ไขเลย” 

พระองค์ท่านได้ใช้ วิธีการศึกษา “เรียนรู้”  ทดลองไปเรื่อยๆ และอีกสิ่งที่ควรนำมาเป็นตัวอย่างคือ “ความเพียร” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านมีความเพียรและสามารถค้นหาวิธีการแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกได้ ท่านทรงศึกษา ทดลองจนนำมาใช้ได้จริง เป็นตัวอย่างที่เราทุกคนควรนำมาเป็นแบบอย่าง ผลงานที่ออกมาทำให้ผู้คนที่พบเห็นได้เกิดแรงบันดาลใจอย่างมาก และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกส่วนของการดำรงชีวิต ทั้งการทำงานและการดำรงชีพ            

สิ่งที่เราควรทำคือเผยแพร่ วิธีคิด วิธีทำงานของพระองค์ท่าน คนที่จะประสบความสำเร็จได้ ถ้าเอาวิธีคิดของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแบบอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต และมีความเพียร ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่เรามาพบได้ที่นี่ ทำให้เรามีแนวทาง มีวิธีคิด มีพลังที่จะสานต่อได้อย่างยั่งยืน

ทางด้าน นางพิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมความรู้ด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ตั้งคำถามและให้ข้อคิดว่า “ถ้าคนในองค์กรไม่แข็งแรง องค์กรเราจะแข็งแรงได้อย่างไร ตอนนี้ ตลาดทุนกำลังขับเคลื่อนทุกองคาพยพ  มีทั้งการทำ Standard Setting มาตรฐานตัวชี้วัดในด้านต่างๆ เพื่อให้เห็นว่าการมีธรรมาภิบาลที่ดีคืออะไร และจะเอาไปลงมือทำได้อย่างไร ทำแล้วต้องวัดผลได้ มี Impact หรือเปล่า มีการเปิดเผยข้อมูล มีการประเมิน และจัดอันดับขององค์กรในเรื่อง Sustainability ตลาดหลักทรัพย์ทำงานใกล้ชิดกับบริษัทจดทะเบียน  เรามีการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ก็พยายามทำความเข้าใจกับกลุ่มสถาบันการลงทุน ผู้บริโภค นักลงทุนรายย่อย ให้เข้าใจว่าเราทุกคนสามารถมีส่วนในการขับเคลื่อน”

มุมมองในเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำไม SDGs มีความสำคัญกับประเทศไทย เป้าหมายคือการเติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคงยั่งยืน เราจะทำอย่างไรเมื่อโลกกำลังเปลี่ยนแปลง โควิด-19  เข้ามาทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคและความเสี่ยงอย่างมากมาย ดังนั้น การมีเป้าหมายร่วมกันเป็นเรื่องสำคัญ ในแง่การทำธุรกิจเราต้องนึกถึงปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น ต้องใช้ทรัพยากรอย่างไรในการผลิต หรือการให้บริการ ต้องเกี่ยวข้องกับใครบ้างและ มีผลกระทบอย่างไร  ถ้าเราจะเติบโตไปด้วยกัน เราจะเลือกลงทุนในบริษัทที่มีธรรมภิบาลที่ดี ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ยั่งยืน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์กับองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด และประธานมูลนิธิธรรมดี  กล่าวทิ้งท้ายพร้อมสรุปว่า “ชีวิตที่สมดุลคือ ความพอเพียงที่ยิ่งใหญ่ ปัจจุบันโลกต้องขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามกรอบ SDGs 17 ข้อ ขององค์การสหประชาชาติ เราต้องการให้คนไทยมีความภาคภูมิใจ และเกิดความตระหนักรู้ว่ากรอบการพัฒนาขององค์การสหประชาชาตินั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระองค์ทรงทำให้เห็นตลอดการทรงงานกว่า 70 ปีกับโครงการ 4,800 กว่าโครงการทั่วประเทศ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน เป็นหนึ่งใน 6 ศูนย์ที่สำคัญ ที่บูรณาการครบวงจรจากหน่วยงานต่างๆ กว่า 30 องค์กร มาเรียนรู้ที่ศูนย์แห่งนี้ พามาให้เห็นของจริงที่เป็นรูปธรรมให้เกิดการตระหนักรู้ว่าเส้นทางตามรอยพระราชาเป็นจุดเริ่มต้นการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาคนและองค์กร ให้เข้าใจและสามารถเดินไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนได้อย่างสมบูรณ์”

สำหรับผู้บริหารหรือหน่วยงานหรือองค์กรที่สนใจร่วมเรียนรู้ Sustainability c Moral สืบสาน ต่อยอด
ตามรอยพระราชา สามารถเข้าชมกิจกรรมต่างๆที่ผ่านมาของโครงการตามรอยพระราชาได้ที่ เฟซบุ๊คแฟนเพจ : ตามรอยพระราชา The King’s Journey  หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-651-9499

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

ข่าวล่าสุด

บริษัท ไม่ลองไม่รู้ จำกัด เลขที่ 108/240 หมู่ที่ 2 หมู่บ้านพฤกษาวิลล์56 ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

E-Mail : anchaliphon.k@gmail.com

T. 081-666-6822

จำนวนผู้เข้าชม : 979,277

©2020-2022 www.worldbusiness-th.com