“อิมแพ็ค” เปิดฉากรองรับงานเล็ก-ใหญ่เต็มพื้นที่มากกว่า 1.4 แสน ตร.ม.ใหญ่สุดในอาเซียน ชูความสมาร์ทและปลอดภัยตามวิถีใหม่เรียกความมั่นใจ เผยลูกค้ากลับมาจองพื้นที่จัดงานช่วงไตรมาส 3-4 ต่อเนื่อง
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวถึงการกลับมาเปิดบริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) ประกาศคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 ให้กลุ่มกิจการและกิจกรรมธุรกิจศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าเปิดบริการได้ แต่ยังต้องเข้มงวดในมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากเป็นกิจการและกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของประชาชนจำนวนมาก จึงต้องให้ความสำคัญเรื่องการบริการจัดการรักษาระยะห่างและการควบคุมความหนาแน่นของผู้ใช้บริการในพื้นที่ ควบคู่กับมาตรการดูแลสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
ในช่วงที่ปิดบริการกว่า 3 เดือน อิมแพ็คได้เตรียมความพร้อมของพื้นที่และบริการ เพื่อให้สอดรับกับระเบียบของทางราชการที่กำหนดข้อปฏิบัติสำหรับกิจการ/กิจกรรมการแสดงสินค้าและการประชุม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยให้ปฏิบัติตามหลายเงื่อนไข อาทิ ประชุม อบรม สัมมนา 4 ตร.ม.ต่อคน, จัดเลี้ยง งานอีเว้นท์ เปิดตัวสินค้า การประกวด แข่งขันกีฬา ระยะนั่ง-ยืน ห่าง 1 เมตร, งานแสดงดนตรี คอนเสิร์ต ลดหนาแน่น-ไร้ระเบียบ เกณฑ์ 5 ตร.ม./คน เป็นต้น
“อิมแพ็คพร้อมแล้วที่จะกลับมาเปิดบริการเต็มรูปแบบในวิถีใหม่ ด้วยพื้นที่จัดแสดงงานมากกว่า 1.4 แสนตารางเมตร ถือเป็นศูนย์ฯที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราสามารถจัดสรรพื้นที่จัดงานได้อย่างเหมาะสมรองรับงานขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ตามมาตรฐานนิวนอร์มอล”
พร้อมกันนี้ยังได้นำนวัตกรรมสมัยใหม่ดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยเลือกนวัตกรรมเครื่องฉายแสงยูวีฆ่าเชื้อแบบเคลื่อนที่ Germ Saber UVC Sterilizer ผลงานวิจัยร่วมของ สวทช. และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในพื้นที่ภายในศูนย์ฯ การเลือกใช้นวัตกรรมปุ่มกดลิฟต์ไร้สัมผัส หรือ MagikTuch อีกหนึ่งผลงานของ สวทช. มาใช้เพื่อช่วยเสริมสร้างความปลอดภัย ลดการเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
นอกจากนี้ อิมแพ็คยังได้ลงทุนระบบน ซึ่งเป็นระบบที่ตอบรับนโยบายรัฐในการจำกัดความหนาแน่นของการจัดประชุม-สัมมนา อ้างอิงพื้นที่ 4 ตร.ม.ต่อคน ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมลดลง แต่ด้วยระบบไฮบริดสามารถรองรับผู้มาร่วมประชุมในห้องจริง และเปิดลงทะเบียนให้ผู้สนใจร่วมประชุมทางออนไลน์ได้เพิ่มตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสองส่วนสามารถสื่อสารระหว่างกันและมีส่วนร่วมในการประชุมได้เสมือนอยู่ในห้องเดียวกัน โดยระบบดังกล่าวสามารถลงทะเบียนผู้ร่วมประชุมได้ตั้งแต่ 100-3,000 คน