ระยอง—วานนี้ 20 กันยายน 2564 นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ร่วมลงนามข้อตกลงบันทึกความร่วมมือ โครงการ “Rayong Less-Waste” (ระยอง เลสเวสท์) ร่วมกับ PPP Plastics กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ท้องถิ่นจังหวัดระยอง และพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารส่วนจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายโมเดลการจัดการขยะและพลาสติกใช้แล้วในระดับชุมชนและให้ความรู้ในโรงเรียน
ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ครอบคลุมครบทั้ง 68 เทศบาล เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มมูลค่าและพัฒนาคุณภาพของพลาสติกใช้แล้วให้สามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้หลากหลายขึ้น เป็นการสร้างอาชีพ ลดปริมาณขยะไปหลุมฝังกลบ รวมถึงสนับสนุน Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของภาครัฐที่กำหนดเป้าหมายการนำพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ 100% คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณพลาสติกใช้แล้วและนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่า 1,000 ตันต่อปี
โครงการ “Rayong Less-Waste” ได้รับทุนสนับสนุนจาก Alliance To End Plastic Waste ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับโลกที่เกิดจากความร่วมมือของบริษัทในห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลาสติก เพื่อร่วมแก้ปัญหาขยะพลาสติก โครงการนี้เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการระยองโมเดล ซึ่ง PPP Plastics และจังหวัดระยองได้ร่วมกับ 18 อปท. สร้างโมเดลการจัดการขยะและพลาสติกใช้แล้วในระดับชุมชน โดยในปี 2562 และ 2563 สามารถเพิ่มปริมาณพลาสติกสะอาดที่นำกลับไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า 700 ตัน
นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า “การที่จะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนเกิดขึ้นได้จริงและยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้ผลิต ห้างร้าน ผู้บริโภค และสิ่งสำคัญที่สุดในฐานะผู้บริโภค คือ การคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่ครัวเรือนในชุมชน เพื่อให้ขยะแต่ละชนิดสามารถนำไปใช้ต่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ขอขอบคุณกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย PPP Plastics และ Alliance to End Plastics Waste รวมถึง ทุกเทศบาลทุกหน่วยงานและทุกคนที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในครั้งนี้ ผมมั่นใจว่าจังหวัดระยองของเรามีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะผนึกกำลังสร้างและยกระดับให้บ้านของพวกเราเป็นต้นแบบการจัดการขยะที่ยั่งยืน”
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ประธาน PPP Plastics และเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวอธิบายเพิ่มเติมว่า “โครงการความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติก และขยะอย่างยั่งยืน หรือ PPP Plastics จะร่วมผลึกกำลังกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลไทยตาม Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 – 2573 และแผนปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง โดยจะลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลไทยลดลงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ. 2570 พร้อมทั้ง การผลักดันในเชิงนโยบายและเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณชนเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง การปลูกจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาขยะได้มีการดำเนินงานในบริบทที่มีความสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจ BCG หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green:BCG Model) ที่รัฐบาลกำหนดเป็นโมเดลเศรษฐกิจในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นวาระแห่งชาติ อีกด้วย BCG โดยเฉพาะในส่วนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งเน้นการลดการใช้ทรัพยากร การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการลดมลพิษขยะพลาสติกในทะเลควบคู่กันไปด้วย ในขณะที่ผลิตสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น”
นายวิรัช เกลียวปฏินนท์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมฯ มีความพร้อมในการร่วมดำเนินโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมย์และวัตถุประสงค์หลักของกลุ่มพันธมิตร AEPW และจังหวัดระยอง โดยนอกเหนือจากการคัดแยกขยะและขยายผลชุมชนต้นแบบแล้ว เรายังมองไปถึงแนวทางในการจัดการขยะพลาสติกตลอด Supply Chain ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model ทั้งนี้ ยังเป็นการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในอนาคตอีกด้วย ”
นายสมชาย รุ่งเรือง ท้องถิ่นจังหวัดระยอง กล่าวเสริมว่า “ในนามของจังหวัดระยองและในฐานะคณะทำงานฯ เรายินดีให้การสนับสนุนโครงการ “Rayong Less-Waste” เพื่อผนึกกำลังสร้างระยองต้นแบบจัดการขยะยั่งยืน เพื่อให้เกิดระบบการบริหารจัดการขยะภายในองค์กรรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสริมความรู้สร้างความตระหนักและความร่วมมือในการเปลี่ยนพฤติกรรมการทิ้งขยะของคนในชุมชน ส่งเสริมให้มีระบบการจัดการขยะและคัดแยกที่ดีเพื่อเพิ่มอัตราการรีไซเคิลให้สูงขึ้นสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลด้านการแก้ไขปัญหาขยะตกค้างในทะเลที่ต้นทางมาจากบนฝั่ง”