เวลา 9.00 น. นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้นโยบายการเพิ่มมูลค่าการส่งออกซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 โดยเน้นการรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่าให้กลับคืนมานั้น
ล่าสุด นายจุรินทร์กำชับและติดตามการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ทราบว่าดำเนินภารกิจในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อ 7-8 กันยายน 2564 ที่ผ่านมาทางสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 มีการดำเนินการจัดกิจกรรม”จับคู่ธุรกิจ” เปิดตลาดใหม่ขยายตลาดเติม ในภูมิภาคอเมริกา ลาตินอเมริกา ยุโรป CIS แอฟริกา และตะวันออกกลาง สามารถสร้างมูลค่าทางการค้ากว่า 367 ล้านบาทในห้วงเวลา 2 วันที่เจรจาจับคู่ ขณะที่ทีมงานทั้งในและต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ต้องทำงานด้านการประสานงานทั้งก่อนและหลังเพื่อส่งเสริมการค้าในภาวะนี้ให้สำเร็จ
นางมัลลิกา กล่าวว่า การจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ เปิดตลาดใหม่ ขยายตลาดเดิม ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้นได้รับความสนใจจากผู้ขายชาวไทยและผู้ซื้อชาวต่างประเทศเป็นอย่างมาก
ในยอดขายนั้น มีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมกว่า 105 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหาร อุตสาหกรรมอะไหล่รถยนต์ และสินค้าไลฟ์สไตล์ และมีนักธุรกิจในต่างประเทศสนใจเข้าร่วมเจรจาธุรกิจ 28 ราย ระหว่างกิจกรรมจับคู่ เกิดการเจรจาธุรกิจรวมทั้งสิ้น 77 คู่ จะเห็นได้ว่า โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจและได้รับการสั่งซื้อได้แก่ อาหารสำเร็จรูป ข้าวหอมมะลิ น้ำผลไม้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องสำอาง สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์สปา อะไหล่รถยนต์ น้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่น และสินค้าบรรจุภัณฑ์อาหาร เป็นต้น โดยมียอดสั่งซื้อมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย ไนจีเรีย สหราชอาณาจักร เคนย่า และแทนซาเนีย
“ภาพรวมการส่งออกไทยไปยัง 6 ภูมิภาคดังกล่าวใน 7 เดือนแรก คือ ม.ค. – ก.ค. ปี 2564 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกตลาด สำหรับ ตลาดเดิม มี 2 ภูมิภาคได้แก่ ภูมิภาคอเมริกา มีการขยายตัว ร้อยละ 22.2 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ ยางพารา และรถยนต์และส่วนประกอบ และภูมิภาคยุโรป มีการขยายตัวขยายตัว ร้อยละ 20.9 สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกล และรถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ
สำหรับตลาดใหม่ มี 3 ภูมิภาค ได้แก่ 1.ภูมิภาคตะวันออกกลาง ขยายตัวร้อยละ 12.4 โดยมีสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เคมีภัณฑ์ ยางพารา และข้าว 2.ภูมิภาคแอฟริกา ขยายตัวร้อยละ 17.9 โดยมีสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องยนต์สันดาป และผลิตภัณฑ์ยาง 3.ภูมิภาคลาตินอเมริกา ขยายตัวร้อยละ 93.5 โดยมีสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง และเครื่องยนต์สันดาป” นางมัลลิกา กล่าว
ทางด้าน นายจิรกานต์ เพชรชาติ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 ผู้รับผิดชอบการจัดกิจกรรมข้างต้น ระบุด้วยว่า สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 มีแผนการจัดกิจกรรม OBM ขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเปิดตลาดใหม่ ขยายตลาดเดิม ใน 6 ภูมิภาคดังกล่าว ตามนโยบายรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นายจุรินทร์ ได้กำหนดแนวนโยบายไว้ทั้งนี้เพื่อภารกิจด้านการนำรายได้เข้าประเทศจากการส่งเสริมการค้า และโดยเฉพาะในภาวะวิกฤตโควิด-19นี้ ภารกิจด้านการส่งออกเป็นที่พึ่งของประเทศชาติยามนี้
” ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นายจุรินทร์ ยังได้มีนโยบายให้ส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่และผู้ประกอบการ SMEsส่งออกเพิ่มเติมเพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศได้สร้างทรัพยากรด้านผู้ประกอบการ เปิดโอกาสอย่างเป็นธรรม พัฒนาศักยภาพและเพิ่มจำนวนผู้ส่งออก ซึ่งผู้สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับข่าวสารและติดตามความเคลื่อนไหว กิจกรรมของสำนักฯ ได้ที่ www.ditp-overseas.com หรือสอบถามที่สายด่วนกรมการค้าระหว่างประเทศ 1169″ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 กล่าว