คนไทยในศตวรรษที่ 21 ควรมีศักยภาพในการร่วมกันพัฒนาประเทศ สามารถปรับตัวรองรับบริบทการพัฒนา มีความพร้อมทั้งกายใจ สติปัญญา มีทักษะในการวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผล มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง มีจิตสำนึกวัฒนธรรมที่ดีงามและคุณค่าความเป็นไทย มีคุณธรรมจริยธรรม มีวินัย มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงของชุมชน องค์กร สังคม และประเทศชาติ
โครงการ“ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 20” โดย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD) กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ และมูลนิธิธรรมดี นำครูอาจารย์และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ผ่านการคัดเลือก ลงพื้นที่ทำกิจกรรม ในวันที 20-21 สิงหาคม 2565 ณ โครงการศูนย์ชัยพัฒนาการเกษตรสิรินธร จังหวัดพิจิตร โดยให้ความสำคัญกับ การตามรอยเจ้าหญิงนักพัฒนา ศึกษาวิถีการทำเกษตรกรรม การลงพื้นที่เพื่อ”ลงมือทำ”กิจกรรมในโครงการ อาทิ การปลูกพืชผัก การตัดต่อตอนกิ่งพืชผล การแปรรูปผลิตภัณฑ์โคนม การสร้างความเข้าใจในเรื่องการรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมด้วยพันธุ์พืช และดูแลสังคม ชุมชน และกิจกรรมมอบเป็ดไข่และปลานิลจิตรลดา ให้กับชาวบ้านตำบลเนินมะกอก จำนวน 200 ครอบครัว เป็นการเรียนรู้อย่างครบวงจรเพื่อการ “สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างคน” เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยการ “ระเบิดจากข้างใน” เป็นหัวใจสำคัญที่สุด
นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืน ความสำคัญนั้นอยู่ที่การเริ่มต้นพัฒนา “คน” กระตุ้นให้คนมีจิตสำนึกและพฤติกรรมที่สะท้อนการมีคุณธรรม สร้างคนดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีร่วมพัฒนาองค์กรเพื่อสร้างให้เป็นองค์กรที่ดี เป็นองค์กรคุณธรรม และเป็นพลังร่วมขับเคลื่อนสังคม ต่อเนื่องไปจนถึงการพัฒนาประเทศชาติเพื่อเกิดความยั่งยืน เพื่อให้สามารถบรรลุตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนUN SDGs 17 ข้อขององค์การสหประชาชาติ ได้ตามเป้าหมายในปี 2030 ทิพยประกันภัยห่วงใยทุกชีวิตในสังคมกับโครงการ ทิพยทำความดีไม่มีสิ้นสุด พร้อมร่วมส่งเสริมกิจกรรมที่สร้างความแข็งแรงให้กับสังคม เพื่อสร้าง “สังคมคุณธรรมที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ทั้งนี้ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ในการพัฒนาทุกระดับต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา “คน” เพราะคนเป็นทั้งเป้าหมายและพลังการขับเคลื่อนการพัฒนาทุกด้าน การพัฒนาคนที่สมดุล จะต้องให้คนมีทั้งความดี ความสามารถ และความสุข เพื่อหล่อหลอมขยายเป็นคุณธรรมของครอบครัว ชุมชน และประเทศ ในขณะที่ประชาชนมีความสัมพันธ์กันในระบบองค์กรมากขึ้น ทั้งในสถานที่ทำงานและการเป็นสมาชิกสำคัญในรูปแบบต่างๆ เราต้องรณรงค์ส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ ตระหนักในความรับผิดชอบและมีบทบาทในการส่งเสริมคุณธรรมอย่างจริงจัง เพื่อให้องค์กรเหล่านี้เป็นองค์กรคุณธรรม เป็นแหล่งสร้างคนดีเพื่อสังคมดี เป็นพลังสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมคุณธรรมที่สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนแปลง เพราะ “คนดีต้องมีพื้นที่ยืน ความดีมีพื้นที่ทางสังคม”
”โดยการอบรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก อาจารย์ เกษม นวมครุฑ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบางมูลนาก ซึ่งเป็นเครือข่ายของศูนย์คุณธรรมที่ร่วมกันขับเคลื่อนคุณธรรม จนเป็นโรงเรียนคุณธรรมต้นแบบ มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พร้อมถอดบทเรียนองค์กรคุณธรรม หัวข้อ ถอดบทเรียนโรงเรียนคุณธรรม : จุดกำเนิดแรงบันดาลใจ เพื่อการนำประสบการณ์ไปพัฒนา โรงเรียน หรือองค์กรของตนให้พร้อมก้าวสู่การเป็นโรงเรียนคุณธรรม หรือองค์กรคุณธรรมต่อไปได้ในอนาคต” รศ.นพ. สุริยเดว กล่าวเพิ่มเติม
“แนวทางในการพัฒนาเพื่อให้ก้าวสู่การเป็นองค์กรคุณธรรม มีเป้าหมายเพื่อให้องค์กรมีบทบาทและสามารถในการสร้างคนดีเพื่อสังคมดี ส่งเสริมให้คนในองค์กร มีทัศนคติ วิธีคิด และการประพฤติปฏิบัติที่สะท้อนการมีคุณธรรม และค่านิยมที่ดี ส่งผลให้องค์กรมีคุณค่าและประสิทธิภาพประสิทธิผลในการดำเนินกิจการ กระบวนการในการพัฒนาคุณธรรม แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับส่งเสริมคุณธรรม ระดับคุณธรรม และระดับคุณธรรมต้นแบบ โดยมีหลักเกณฑ์การประเมินองค์กร ชุมชน อำเภอและจังหวัดคุณธรรมที่เป็นมาตรฐานกลาง ที่สามารถบ่งบอกถึงกระบวนการในการพัฒนาคุณธรรมที่ได้มาตรฐาน เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมของประชาชนจนเป็นที่ประจักษ์ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ ประเทศชาติมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ประชาชนมีความสุขบนพื้นฐานของความพอเพียงและสมานฉันท์รวมไทย เป็นหนึ่งเดียว
ด้าน ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) และประธานมูลนิธิธรรมดี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “หลักการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรคุณธรรมได้น้อมนำหลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นหลักการ เริ่มต้นจากการระเบิดจากข้างใน ทำแบบองค์รวมคือมีเป้าหมายเดียวกันทั้งองค์กร ดำเนินการตามหลักความจริงมีการศึกษาปัญหาและต้นทุนความดีขององค์กร แก้ไขปัญหาจากจุดเล็ก ศึกษาเรียนรู้และปรับใช้ตามความเหมาะสมกับองค์กร สร้างโอกาสให้ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมเพราะเป้าหมายสำคัญของการส่งเสริมคุณธรรมคือการทำให้คนมีจิตสำนึกและพฤติกรรมที่สะท้อนการมีคุณธรรมมากขึ้นจึงต้องให้ทุกคนเป็นพลังร่วมกันขับเคลื่อน ทำความดีเพื่อความดี ตั้งใจพัฒนาองค์กรคุณธรรมเพื่อสร้างองค์กรที่ดี สร้างคนดีเพื่อสังคมดี มุ่งประโยชน์ส่วนรวมโดยไม่มีเป้าหมายเคลือบแฝงเพื่อประโยชน์อื่น คาดหวังว่าจากการร่วมกิจกรรมของครู อาจารย์ และผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ ในเบื้องต้นจะเชิญชวนให้หน่วยงานที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ได้ร่วมมือกันขับเคลื่อนองค์กรที่จะพัฒนาให้เป็นองค์กรคุณธรรมต่อไปในอนาคต” ดร.ดนัย สรุป
นอกจากการลงพื้นที่ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ แล้ว คณะครู อาจารย์ และผู้บริหาร ยังเข้าร่วมการถอดบทเรียนโดย อาจารย์ อดุลย์ ดาราธรรม นายสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย ให้เกียรติเป็นวิทยากร จัดกิจกรรม Interactive Board Workshop ตามรอยนวัตกรรมศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากล และ “The King’s Journey: Learn English an Example of an Invention” ซึ่งคณะครู อาจารย์สามารถนำนวัตกรรมการเรียนรู้ไปต่อยอดการเรียนการสอนสำหรับเยาวชนต่อไป
ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 20 เตรียมลงพื้นที่ ในโครงการสาธิตการปลูกพืชในพื้นที่ดินเค็ม จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 17-18 กันยายน 2565 นี้ หน่วยงานหรือองค์กรที่สนใจร่วมเรียนรู้นวัตกรรมศาสตร์พระราชา สามารถติดต่อได้ที่มูลนิธิธรรมดี เว็บไซต์ http://www.do-d-foundation.comตามรอยพระราชา – The King’s Journey Facebook: มูลนิธิธรรมดี และ LINE Official: @dfoundation