
สองแม่ลูกคนเก่ง นีน่า – สุพรรณี โอฬารฤทธินันท์ และ ไอซ์ – อคิราภ์ ว่องชาญกิจ เผยผิวสวยในแบบของตัวเอง ไม่ว่าผิวสีไหนก็สวย ผ่านแบรนด์ “CALL AQUEEN” จับมือทีมงาน ม.เกษตรศาสตร์ พัฒนาผลิตภัณฑ์คอลลาเจน เอาใจผู้หญิงทุกกลุ่มวัย ครั้งแรกตั้งใจทำและใช้เอง เพื่อดูแลตัวเองในวัยใกล้เลขห้า ปัจจุบันอายุย่าง 54 ปี แต่ผลลัพธ์ดีงามจนต้องบอกต่อ เตรียมเปิดตัวเดือนเมษายนนี้
ตลาดวิตามินและอาหารเสริมของไทย มีมูลค่าสูงถึง 25,269 ล้านบาท ตลาดที่มีส่วนแบ่งมากที่สุดก็คือ ตลาดคอลลาเจน ซึ่งอุตสาหกรรมคอลลาเจนเติบโตสูงขึ้น 5.9 % ต่อปี ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป และให้ความสนใจคอลลาเจนที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น ไม่ทิ้งสารตกค้างหรือสารเคมีไว้ในร่างกาย ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ อีกทั้งผู้บริโภคไม่ได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตาม ดารา หรือ อินฟลูเอนเซอร์ เหมือนที่ผ่านมา ดังนั้นท่ามกลางการแข่งขันสูง การใส่ใจเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

สุพรรณี โอฬารฤทธินันท์ (นีน่า) เปิดเผยถึงแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจว่า อันดับแรกต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และจะส่งต่อธุรกิจนี้ให้กับลูกสาว (น้องไอซ์) ซึ่งมีไลฟ์สไตส์ที่ชอบดูแลตัวเอง ชอบดูแลผิวเหมือนกัน ส่วนเหตุผลที่เลือกผลิตภัณฑ์คอลลาเจน เริ่มจากตอนเด็กๆ ใช้สกินแคร์มาตลอด พอดูโฆษณาในทีวีแล้วชอบ ก็เลยซื้อมาใช้และใช้มาตลอด แต่พอมีอายุมากขึ้น ได้มีการหาข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงที่ก้าวเข้าสู่วัยทอง โดยเฉพาะเรื่องผิวและกระดูก เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือในวัยทอง จึงไปถามเพื่อนที่มีประสบการณ์ใกล้วัยทอง เพื่อนบอกว่าการทาโลชั่นอย่างเดียวไม่ได้ช่วยเรื่องผิว ทำให้มองหาอาหารเสริม จากที่ต่อต้านและไม่ชอบทานอาหารเสริม เพราะกลัวสารตกค้างในร่างกาย และนึกถึงคอลลาเจนเป็นอันดับแรก เพื่อช่วยดูแลเรื่องผิวและกระดูก
หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาหาข้อมูลคอลลาเจนอย่างละเอียด และได้ซื้อคอลลาเจนแบรนด์หนึ่งมาทานเพื่อสร้างความพร้อมรับมือในช่วงวัยทอง ซึ่งการทานคอลลาเจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถทานได้ทุกวัน ไม่ส่งผลเสียกับร่างกาย ช่วยดูแลในเรื่องของผิวและกระดูกตามที่ต้องการ นอกจากนี้ได้มีการตรวจเซ็คร่างกายเพื่อหาสารตกค้างในร่างกาย ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ทานคอลลาเจน ผลตรวจไม่พบสารเคมีตกค้าง และค่าตับ ไต อยู่ในเกณฑ์ปกติ ทำให้เกิดความประทับใจ จีงเกิดแนวคิดว่า เราทานคอลลาเจนทุกวัน และซื้อคอลลาเจนครั้งละมากๆ ทำไมไม่ทำคอลลาเจนเป็นแบรนด์ของเราเอง

การพัฒนาผลิตภัณฑ์คอลลาเจน เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับทีมงานวิจัย ม.เกษตรศาสตร์ ผลิตคอลลาเจนชนิดผง สำหรับชงดื่ม รสแอปเปิ้ลเขียว โดยใช้การสกัดแบบ Hydrolyzed คือการใช้น้ำสกัดสารสกัดหลัก 9 ชนิดออกมา ซึ่งการใช้น้ำเพื่อสกัดสารสกัดที่จำเป็นออกมาใช้ในการผลิต จะไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายและไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกาย ส่วนใหญ่จะใช้สารเคมีในการสกัดสารสกัดออกมาใช้ในการผลิต นอกจากนี้เรายังเพิ่มสารสกัดจากมะเขือเทศขาว ซึ่งเป็นสารสกัดตัวใหม่ นำเข้ามาเมื่อปลายปีที่แล้ว ช่วยปกป้องผิวไม่ให้ไวต่อแสงแดด และแสงบลูไลน์
ตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่า ที่ผลิตและพัฒนาคอลลาเจนของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ได้มีการปรับสูตรเพื่อให้ได้ผลที่ดี มีคุณภาพมาแล้ว 4 ครั้ง และได้เข้าไปอยู่ในขบวนการผลิตทุกขั้นตอน พร้อมกับวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคผ่านประสบการณ์จริงของตัวเองจากการทานคอลลาเจนทุกวัน อยากได้อะไรจากสารสกัดเหล่านี้ และมีประโยชน์ในด้านไหนบ้าง พร้อมกับศึกษาความต้องการคอลลาเจนในทุกช่วงวัย มีผลเอฟเฟ็กต์ต่อร่างกายอย่างไร ให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ และมีความปลอดภัยสูงต่อผู้บริโภค โดยเซ็นสัญญากับคณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำการวิจัยผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการทำตลาดคอลลาเจน เพื่อตอกย้ำความมั่นใจต่อผู้บริโภค เกิดเป็นคอลลาเจนแบรนด์ “CALL AQUEEN” แปลว่า สวยมั่นใจในแบบของคุณเอง

อคิราภ์ ว่องชาญกิจ (ไอซ์) ในฐานะผู้ประกอบการรุ่นใหม่ มีมุมมองเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์คอลลาเจน ว่า ปัจจุบันกลุ่มวัยรุ่นเปลี่ยนไป จะไม่พูดถึงเรื่องผิวขาว แต่จะปลูกฝังเรื่องสีผิวไหนก็สวย สวยในแบบสีผิวของตัวเอง จึงเกิดเป็นไอเดียขึ้นมา สวยในแบบสีผิวของตัวเอง ซึ่งเห็นเพื่อนๆ ผิวสีเข้ม ผิวสีขาว หรือผิวสีแทนมากๆ แค่เขามีสุขภาพผิวดี ก็ทำให้เขาสวยแล้ว คอลลาเจนของเราจะดึงส่วนผสมที่ช่วยทำให้ รูขุมขนกระชับขึ้น เรียบเนียนขึ้น โดยจะโฟกัสไปที่ Inner Beauty ( อินเนอร์ บิวตี้) คำนี้ที่รุ่นไอซ์ใช้กันเยอะมากคือ สวยจากข้างใน หรือมีสุขภาพดีจากข้างใน ออกมาสู่ข้างนอกได้จริง ผู้หญิงที่สวยจากข้างในสู่ข้างนอก ซึ่งเรารู้สึกได้ว่า คอลลาเจนของเราตอบโจทย์และตรงกับคอนเซ็ปต์ของคนรุ่นใหม่ Inner Beauty ซึ่งสวยจากข้างในจริง ๆ

ส่วนการทำตลาดเบื้องต้นจะทำตลาดคนไทยก่อน เจาะกลุ่มผู้หญิงผู้ชาย และ LGBT ทุกกลุ่มวัยที่ต้องการดูแลตัวเอง ช่องทางการจัดจำหน่ายมีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ควบคู่กันไป จากนั้นจะขยายไปกลุ่มประเทศสิงค์โปร์ มาเลเซีย และดูไบ ซึ่งในช่วงเดือนกรกฎาคมจะได้ตราฮาลาล พร้อมศึกษาความต้องการของตลาดต่างประเทศอย่างละเอียด โดยคาดว่า จะสามารถได้ส่วนแบ่งทางการตลาด 3-5% ในประเทศไทย และในอนาคตมีแผนจะแตกไลน์สินค้าคอลลาเจนเพิ่มขึ้น และสามารถติดตามรายละเอียดผลิตภัณฑ์ CALL AQUEEN ได้ที่ Facebook : Call aqueen Thailand และ Instagram: Call.aqueen และ Line : @call.aqueen