Saturday, 4 May 2024 | 5:56 pm
spot_img
Saturday, 4 May 2024 | 5:56 pm
spot_img

5 ทศวรรษ “พันทิพย์” ขับเคลื่อนธุรกิจขนส่ง ฝั่งอันดามัน-อ่าวไทย หนุนท่องเที่ยว SME D Bank พัฒนาสินเชื่อ ตอบโจทย์ เชื่อมต่อนักท่องเที่ยวเดินทางไร้รอยต่อ

“พันทิพย์” คือ ผู้นำธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดให้บริการผู้คนมานานถึง 53 ปี (ก่อตั้งเมื่อปี 2513) พัฒนาจากเส้นทางเดินรถ จ.สุราษฎร์ธานี ขยายสู่จังหวัดท่องเที่ยวใกล้เคียงทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ให้บริการเชื่อมต่อเส้นทาง ทั้งเครื่องบิน เรือ รถไฟและรถยนต์ ในแบบไร้รอยต่อ (seamless) ไร้ตั๋วโดยสาร (ticketless) และไร้เงินสด (cashless) รับไลฟ์สไตล์ผู้คนยุคดิจิทัล ด้วยจุดยืนเชื่อมต่อเส้นทางความสุข (Connecting Happiness)

การขยับขยายกิจการและเติบโตมาได้อย่างแข็งแกร่งจนถึงทุกวันนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง มาตอบโจทย์การทำธุรกิจ พร้อมส่งมอบองค์ความรู้ที่จำเป็น ช่วยให้ระหว่างทางของการทำธุรกิจขนส่ง เดินหน้าต่อเนื่องไม่มีสะดุด

ย้อนกลับไปเมื่อ 53 ปีก่อน “กาจ กนกวิจิตร” ผู้ก่อตั้ง บริษัท พันทิพย์ (1970) จำกัด หรือ พันทิพย์ (Phantip) ผู้ประกอบธุรกิจรถบริการขนส่งผู้โดยสาร-นักท่องเที่ยว จ.สุราษฎร์ฯ ภูเก็ต นครศรีธรรมราช เห็นโอกาสการทำธุรกิจรถโดยสาร จ.สุราษฎร์ธานี ที่เวลานั้นยังไม่มีรถวิ่งโดยถูกกฎหมาย ภายหลังได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งผู้โดยสาร จึงเริ่มให้บริการจากอำเภอสู่อำเภอ ก่อนขยายเดินรถระหว่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยเส้นทางที่เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง สงขลา ฯลฯ ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย

ก่อนส่งไม้ต่อ หลังการเข้ามาสานต่อของทายาทรุ่น 2 และ 3 อย่าง “เอกสิทธิ์ กนกวิจิตร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท พันทิพย์ (1970) จำกัด และ “อนรรฆ กนกวิจิตร” รองกรรมการผู้จัดการบริษัท พันทิพย์ (1970) จำกัด โดยผู้เป็นพ่อ “เอกสิทธิ์” จบปริญญาโท ทางด้านการบริหารธุรกิจและคอมพิวเตอร์ จากสหรัฐฯ ส่วนลูกชาย “อนรรฆ” จบด้านเศรษฐศาสตร์ จากประเทศออสเตรเลีย ธุรกิจที่เคยเป็นแค่ผู้ให้บริการรถโดยสารธรรมดา ๆ ขยับมาเป็นผู้ให้บริการด้านการขนส่งที่ครบวงจร เป็น One stop service เชื่อมต่อเส้นทางครอบคลุมทั้ง เครื่องบิน เรือ รถไฟและรถยนต์ แบบต่อเนื่องและไร้รอยต่อ

จากบริการในประเทศก็มาทำตลาดระหว่างประเทศ โดยเชื่อมกับ OTAs (Online Travel Agents) ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวผ่านระบบออนไลน์ มีการจำหน่ายตั๋วแบบ ticketless (ไร้ตั๋วโดยสาร) ลดความเสี่ยงโดยการทำธุรกรรมแบบไร้เงินสด (cashless) และให้บริการแบบเรียลไทม์ พลิกโฉมธุรกิจวัยเก๋า ให้เข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างฉลุย

“สมัยคุณพ่อเป็นเหมือนยุคเริ่มต้น ตอนนั้นเรายังไม่ต้องทำการตลาดอะไรมากมาย จนมารุ่นผมก็มีการเชื่อมต่อเส้นทางและทำการตลาดมากขึ้น แต่ยังไม่เวิลด์ไวด์อย่างวันนี้ การทำงานยังเป็นกึ่งแมนวลอยู่ เริ่มจากโทรศัพท์ ส่งแฟกซ์ ส่งอีเมล แต่พอมีลูกค้ามากขึ้น ยอมรับว่าการทำงานยากขึ้นและเกิดความผิดพลาด จนมาถึงรุ่นลูกชาย เราพยายามปรับมาใช้ระบบคอมพิวเตอร์มากขึ้น เพื่อให้ข้อมูลทุกอย่างส่งตรงมาแบบเรียลไทม์ โดยเราจะรับรู้และอัพเดทข้อมูลลูกค้าได้ตลอดเวลาและรับจองได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทุกวันนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผมและลูก”

คุณเอกสิทธิ์ เล่าว่า ความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ หลังเดินทางมาสู่เจเนอเรชันที่ 2 และ 3 พร้อมกับยุคสมัยที่แปรเปลี่ยน ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ทำให้ผู้ประกอบการด้านการขนส่งต้องปรับตัวตาม ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยการทำงานและบริการ การขยายเส้นทางใหม่ ๆ โดยใช้ความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตร ปรับระบบรถโดยสารที่ไม่ใช่แค่สะดวกสบาย หรือประหยัดพลังงาน ทว่าต้องปลอดภัยมากขึ้น และไม่ใช่แค่ความปลอดภัยในทรัพย์สินหรือร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขอนามัย ซึ่งเป็นเทรนด์ของธุรกิจท่องเที่ยวในวันนี้อีกด้วย

“ลูกค้าทุกวันนี้เปลี่ยนไปจากเดิมมากตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยใช้ระบบออนไลน์มากขึ้น ถ้าวันนั้นเราไม่มีการปรับตัวเอง วันนี้ก็คงไม่มีธุรกิจเราอยู่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่พันทิพย์ต้องปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลา” คุณเอกสิทธิ์ กล่าว

ตลอดการทำธุรกิจ พวกเขาไม่เคยเดินอย่างโดดเดี่ยว แต่มีพันธมิตรที่เป็นทั้งหน่วยงานภาครัฐ ธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ และยังเลือกที่จะเติบโตโดยสร้างเครือข่ายพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เมื่อถามถึงเหตุผลเขาบอกแค่ว่า เพราะการทำธุรกิจไม่สามารถเติบโตและอยู่รอดเพียงลำพังได้

“เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่จะอยู่ตัวคนเดียวเพียงลำพัง ผมไม่มีความคิดว่าธุรกิจจะอยู่ด้วยตัวเองตัวคนเดียวได้ แต่ยิ่งเรามีเพื่อนเยอะ เท่ากับมีพันธมิตรเยอะ เพื่อนช่วยเรา เราช่วยเพื่อน ธุรกิจจะไปได้ไกล แต่ถ้าเมื่อไรเลือกที่จะอยู่คนเดียว ถ้ายิ่งทำได้ดี ก็จะเกิดแรงอิจฉา และเท่ากับว่าเราจะสร้างศัตรูในธุรกิจให้มากขึ้น”

หนึ่งในพันธมิตรที่ยาวนานของ “พันทิพย์” คือ SME D Bank สถาบันการเงินที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างมาก “ผมชอบ SME D Bank มาก เพราะมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ โดยใช้สินเชื่อครั้งแรกของ SME D Bank เป็นดอกเบี้ย 1% ทำให้เรากล้าลงทุนซื้อรถ ซื้ออุปกรณ์ ขยายเส้นทางใหม่ ๆ ทำให้เกิดประโยชน์กับบริษัทและตอบโจทย์เราได้อย่างมาก และจนถึงวันนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากธนาคารต่อเนื่อง SME D Bank ถือเป็นธนาคารที่ดีมาก ๆ ที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างแท้จริง”

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การจะทำให้ธุรกิจไปต่อและอยู่รอดได้ คือ การมุ่งเน้นที่ลูกค้า (customer orientation) การปรับตัวและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ โดย “พันทิพย์” ยังคงมุ่งสู่ทศวรรษใหม่ ด้วยแนวคิด “Connecting Happiness” โดยเชื่อว่า “ความสุข” คือคำตอบสู่ความยั่งยืนของธุรกิจในวันนี้

spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img
spot_img

ข่าวล่าสุด

บริษัท ไม่ลองไม่รู้ จำกัด เลขที่ 108/240 หมู่ที่ 2 หมู่บ้านพฤกษาวิลล์56 ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210

E-Mail : anchaliphon.k@gmail.com

T. 081-666-6822

จำนวนผู้เข้าชม : 983,451

©2020-2022 www.worldbusiness-th.com